เราจะทำอย่างไร ในเมื่อการครองเรือนต้องมีเซ็กส์กับคู่ครอง โดย อ.ไป๋ล่ง
เรื่องเล่าจากประสบการณ์ ในขณะนั้นผู้เขียนเคยตั้งข้อสงสัยต่อนักปฏิบัติที่เคร่งครัดท่านหนึ่งว่า “เราจะทำอย่างไร ในเมื่อการครองเรือนต้องมีเซ็กส์กับคู่ครอง (เสพกามารมณ์) ในฐานะที่เราเป็นปุถุชนคนธรรมดา ที่ต้องประกอบสัมมาอาชีวะ เพื่อความมั่นคงในครอบครัว เพื่อการดูแลบุคคลที่รัก เราจะสามารถทำอย่างไรให้เข้าถึงธรรมของพระพุทธองค์และนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้” เมื่อถามไปแล้ว กลับได้คำตอบที่ว่า “คุณคิดว่าการมีเซ็กส์มันสำคัญแค่ไหน ถ้าไม่มีแล้วจะเป็นอย่างไร” และมีนักปฏิบัติบางท่าน ที่หันกลับมามองแรงใส่ผู้เขียน เหมือนกับว่า “ถามมาได้อย่างไร มันไม่ใช่แนวทางคำสอน” อารมณ์ประมาณนั้น อีกครั้งคือขณะนั้น ผู้เขียนเดินทางไปที่วัดสายปฏิบัติแห่งหนึ่งตั้งใจจะเข้าฝึกกรรมฐาน และสอบถามแม่ชีผู้นำในการปฏิบัติธรรมว่า “แม่ขาวครับ (ทางวัดจะเรียกขานท่านว่าแม่ขาว) พอดีเพื่อนผมอยากมาปฏิบัติธรรมด้วย แต่เมื่อคืนเขาดื่มมานิดหน่อย สามารถร่วมรับศีลเย็นนี้ได้หรือไม่ครับ” คำตอบที่ได้รับก็คือ “พากลับไปบ้านก่อน พ้นสามวันแล้วค่อยมาใหม่” และไม่มีคำอธิบายใด ๆ ต่อจากนั้น มันทำให้เรื่องราวเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้เขียนเฝ้าสงสัยและต้องการเหตุผลว่า เพราะเหตุใด และทำไม การจะเข้าถึงศาสนามันดูยากเย็นแสนเข็ญนักหนา ศาสนาพุทธทำให้ยาก หรือพุทธสาวกทำให้ยาก จนต้องศึกษาและหาคำตอบด้วยตนเองกับทุกเรื่องที่สงสัย จนได้แนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมกับตัวเอง สบายใจ และเกิดความอิ่มเอม ปิติในใจ มาถ่ายทอดในหนังสือเล่มนี้
คำตอบที่ได้จากการถามกลับมาเรื่องการมีเซ็กส์ว่าจำเป็นด้วยหรือ คือแบบนี้ครับ วัตถุประสงค์ของการศึกษาธรรมขั้นสูง คือความพร้อมเข้าถึงการหลุดพ้น และตัดขาดทางโลก ต้องปฏิบัติตนในพรหมจรรย์ ซึ่งในความเป็นจริงก็อาจจะมีเพียงนักบวชในศาสนาเท่านั้นที่ทำได้ แต่ถ้าคนธรรมดาจะปฏิบัติ จำต้องตัดสังโยชน์ ๑๐ ตามลำดับขั้นให้ได้เสียก่อน และมุ่งสู่นิพพานอันเป็นหนทางสงบไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิด ส่วนตัวสำหรับผู้เขียนมองว่า ถ้าเป็นในวัยชราของคนธรรมดา มีความเป็นไปได้สูงกว่า เพราะอาจจะผ่านเรื่องราว ผ่านการดำเนินชีวิตมาจนถึงระดับหนึ่งแล้ว มีความสุขสบายปลดภาระหนี้สินทางโลกแล้ว หมดความต้องการทางเพศแล้ว คงเป็นหนทางที่สะดวกสบายในการปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเพื่อตัดขาดทางโลก
คำตอบที่สองที่ได้จากการถูกแม่ชีท่านนั้นปฏิเสธ เหตุเพราะก่อนที่ใคร ก็ตามจะปฏิบัติธรรม หรือเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ สิ่งแรกที่พึงปฏิบัติคือ “รักษาศีล ๕ ให้ได้อย่างน้อย ๓ วัน” เพื่อเป็นการชำระร่างกายและจิตใจให้ถึงพร้อมก่อนที่จะฝึกกรรมฐาน ดังนั้น จะดื่มมาก ดื่มน้อย มันก็คือการไม่รักษาศีล ศีลไม่บริสุทธิ์ ไม่ถึงพร้อมต่อการภาวนาและการฝึกกรรมฐานก็จะไม่สำเร็จตามที่ต้องการ
ขอบคุณแหล่งที่มาจาก
หนังสือ "สายมูต้องมนต์" เขียนโดย อ.ไป๋ล่ง
หนังสือ "สายมูต้องมนต์" เขียนโดย อ.ไป๋ล่ง
👇👇👇สนใจสั่งซื้อสินค้าได้ที่นี่ครับ👇👇👇👇
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น