เทคนิคสะสมบุญด้วยการทำงาน หรือกิจวัตรประจำวันแบบง่าย โดย อ.ไป๋ล่ง


     พอเราเรียนรู้กลไกของการค้นหาตัวตน ค้นหาสิ่งที่ชอบสิ่งที่รัก หลังจากนั้นขยันหมั่นเพียรทำมั่นด้วยความมุ่งมั่นจากใจจริง อีกทั้งมองเห็นกระบวนการตรวจสอบสิ่งที่ทำไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด อันเป็นหัวใจของอิทธิบาท ๔ ที่พระพุทธองค์ทิ้งไว้ให้พุทธสาวกนำไปเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตหรือปฏิบัติธรรม จึงกล่าวได้ว่า ธรรมแห่งอิทธิบาท ๔ นี้ มีอานิสงส์ที่เป็นผล เป็นธรรมที่ผ่านการเผยแพร่มาแล้ว ก่อนที่คุณจะตั้งใจทำงานอะไรใด ๆ ในแต่ละโปรเจค แต่ละวัน แต่ละเวลา ยกตัวอย่างเช่น ก่อนเข้างานตอนเช้า และกำลังจะเริ่มเปิดคอมพิวเตอร์ เพื่อเตรียมงานในแต่ละวัน ละเวลาสักน้อยนิด ระลึกถึงอิทธิบาท ๔ แล้วพิจารณาสักแป๊บเดียวพอ (เรื่องนี้ไม่ต้องกังวล ถ้าคุณทำทุกวัน รับรองว่าหัวใจของอิทธิบาททั้งสี่ประการจะฝังเมมโมรี่ให้คุณเองโดยอัตโนมัติ) วิธีการก็คือ คิดในใจหรือกล่าวออกเสียงว่า “ฉันกำลังจะทำงานที่ฉันรัก, ฉันจะขยันหมั่นเพียร, ฉันจะมุ่งมั่นและตั้งใจ และฉันจะตรวจสอบทบทวนงานของฉันให้ดีที่สุด ตามหลักธรรมอิทธิบาท ๔ ที่พระพุทธเจ้าประกาศไว้ดีแล้ว .... ขออนุโมทนาในบุญแห่งการเผยแผ่พระธรรมทั้ง ๔ ประการนี้” หลังจากนั้นคุณก็ลุยงาน ลุยโปรเจคของคุณ หรือเริ่มกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ และคุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม บุญจากการที่คุณอนุโมทนา (“อนุโมทนา” แปลว่า ยินดีตาม, พลอยยินดี, ความยินดีด้วย, ความเห็นดีด้วย) ก็ปรากฏในรูปของ “ปัตตานุโมทนามัย” คือบุญที่เกิดจากการร่วมอนุโมทนา แต่จะเพียงอนุโมทนานั้นไม่ได้ คุณน้อมนำอิทธิบาท ๔ แล้ว คุณจะต้องผ่านมิชชั่นในแต่ละวันให้ครบสมบูรณ์ตามไปด้วย

     เมื่อคุณได้ปฏิบัติจริงตามแนวทางแห่งอิทธิบาท ๔ หรือแนวทางของหัวใจเศรษฐีก็ตาม คุณจะได้รับประสบการณ์ในสิ่งเหล่านั้นว่า ส่งผลใดต่อชีวิตตามที่ผู้เขียนหยิบแนวทางมาวางไว้ให้หรือไม่ ถ้ามีประสบการณ์ที่ดี คุณอาจสันนิษฐานได้ว่า ในการตั้งใจบริกรรม, การตั้งใจสวดมนต์, หรือการตั้งใจภาวนาด้วยสมาธิ นอกจากจะส่งผลให้ร่างกายและจิตใจเป็นสุข มีสติ เกิดปัญญา มีประสิทธิภาพในการทำงานแล้ว สิ่งที่เกิดเป็นผลพลอยได้ มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าคืออานิสงส์ที่คุณได้รับ ซึ่งอานิสงส์ที่ว่านี้ก็แตกต่างกัน คนทำเหมือนกันแต่อาจจะได้ไม่เท่ากัน อยู่ที่ความตั้งใจ ไม่โลภในบุญจนเกินไป เห็นประโยชน์จากการปฏิบัติมากกว่าการสรรเสริญเพื่อบุญที่อยากได้ หากแต่ถ้าเป็นการอนุโมทนาด้วยจิตใจที่นอบน้อม และขอบคุณในประโยชน์ที่ได้ปฏิบัติตามหลักธรรมอย่างแท้จริง อานิสงส์ที่ได้รับจะเพิ่มพูนในทันที ตรงส่วนนี้อาจจะมีคำกล่าวเปรียบเทียบเกี่ยวกับบุญว่า เป็นบุญที่เจือด้วยกิเลส หรือการพยายามทำกิจกรรมใดให้เกิดบุญเพราะหวังผล ทำให้บุญไม่บริสุทธิ์ ความเห็นส่วนตัวผู้เขียนคือ ถ้าใครหมั่นสะสมบุญบารมี ฝึกปฏิบัติขัดเกลาจิตจนสูงแล้ว ก็หมั่นทำต่อไปเพื่อให้ส่งผลในระดับที่เหมาะกับตัวเอง นั่นเป็นเรื่องที่ดีครับ แต่สำหรับสายมูเตลูบางคนที่แทบจะไม่เข้าใจแม้กระทั่งว่า บุญคืออะไรแล้วมีกี่ประเภท ก็ขอให้ได้มีโอกาสเข้าใจ และแสวงหาบุญแบบมีแนวทางสักเล็กน้อยก่อนจะสัมผัสกับคำว่า บุญบริสุทธิ์ หรือบุญที่เจือด้วยกิเลส แบบนั้นจะดีกว่า คนอยากมีอยากได้ จะให้หักห้ามใจว่า “ฉันทำบุญด้วยใจบริสุทธิ์ไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนนอกจากปัญญา สมาธิ และเพื่อเคารพในพระธรรมเพียงเท่านั้น” ผมมองว่าคงเป็นไปได้ยากเกินไป คนไม่เคยปฏิบัติ ไม่ได้ศึกษาธรรมจะให้เข้าใจกิเลสตนเลยมันกระโดดข้ามขั้นข้ามตอนไป พระสงฆ์ท่านก็สอนเอาสูงเทียมเมฆ คนธรรมดาไม่แตะแน่นอน เรามาดูกันแค่ส่วนที่ว่า คนอยากเข้าวัดเพราะอะไร สายมูไปไหว้ที่ไหนย่อมต้องการขอพร ขอพระ แต่ต่อไปนี้เราคงต้องปรับเปลี่ยนแนวทางกันสักเล็กน้อย แยกให้ออกระหว่างพรกับบุญ 

ขอบคุณแหล่งที่มาจาก
หนังสือ "สายมูต้องมนต์" เขียนโดย อ.ไป๋ล่ง

👇👇👇สนใจสั่งซื้อสินค้าได้ที่นี่ครับ👇👇👇👇

👇สามารถเข้ากลุ่มรับชมวิดิโอเกี่ยวกับสายมูฟรีที่นี่ครับ👇
หรือสั่งซื้อได้ที่

พูดคุยสอบถามเพิ่มเติมได้ที่


ความคิดเห็น

คนชอบอ่าน

ความหมายของไพ่บุคคล “ควีน ออฟ วานส์” (QUEEN OF WANDS)

ความหมายของไพ่บุคคล “ควีน ออฟ เพนตาเคิลส์” (QUEEN OF PENTACLES)

ความหมายของไพ่บุคคล คิง ออฟ คัพส์ (KING OF CUPS)

ความหมายของไพ่ "เดอะ เวิลด์" (THE WORLD) สอนอ่านไพ่ยิปซี