มุทราสูตรกับระบบจักระ
(วิดิโอประกอบบทความ)
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จักระหลัก จะถูกอ้างอิง 4-7 จักระ และในศาสนาพราหมณ์-ฮินดูในยุคโบราณ ก็ไม่มีฉันทามติเกี่ยวกับจำนวนจักระ เนื่องจากถูกพัฒนาและตีความกันไปแตกต่างกันตามนิกาย หรือสำนักต่าง ๆ เรียกได้ว่าเป็นการศึกษาที่ค่อนข้างอิสระ จนกระทั่งยุคลัทธิตันตระศักตินิยมของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ระบบจักระได้รับการพัฒนาอย่างกว้างขวาง และเมื่อกล่าวถึงจักระในพุทธศาสนานิกายตันตระที่แยกมาจากวัชรยาน ก็นิยามจักระสำคัญไว้ 5 จักระ รวมถึงระบุธาตุให้กับจักระเหล่านั้น โดยการเชื่อมโยงไปกับนิ้วมือทั้ง 5 ของมุทราสูตรในลำดับต่อมาอีกด้วย แนวคิดเหล่านี้จึงกล่าวได้ว่า “มุทราสูตร” ที่อ้างอิงกันในปัจจุบัน อาจจะสืบทอดจากการอ้างอิงหลัก 5 ธาตุ ที่เรียกว่า “ปัญจะภูตา” โดยยึดแนวคิดพื้นฐานธาตุคือ ดิน, น้ำ, ลม, ไฟ และอากาศธาตุ มาเป็นตัวตั้ง รวมถึงการจับคู่ธาตุกับจักระ และนิ้วมือทั้ง 5 อีกทั้งยังกำหนดมุทราที่สอดคล้องเพื่อนำมาใช้ในการกระตุ้นจักระหรือเพื่อการฝึกสมาธิอีกด้วย
แนวทางมุทราสูตรที่ให้ไว้จะมีทั้ง 2 แบบ คือจักระมุทราสูตรประยุคจากนักเทวศาสตร์ตะวันออก กับจักระมุทราตามสูตรปัญจะภูตา ซึ่งก็สามารถใช้ได้ทั้งสองแบบตามตารางนะครับ
จากตารางดังกล่าวนี้จะเห็นได้ว่า มีแนวคิดการเชื่อมโยงจักระที่แตกต่างกันระหว่างนิ้วมือทั้งห้า ข้อมือ และฝ่ามือ ซึ่งจากการศึกษาและปฏิบัติของผู้เขียนพบว่า การยึดหลักใดหลักหนึ่งก็ใช้ได้ เป็นการทบทวนความจำได้ดีเรื่องของระบบจักระ ซึ่งสูตรประยุคจะเป็นวิธีที่ง่าย เพราะใช้หลักจำเพียงแค่ 4 นิ้ว คือ นิ้วชี้ จักระ 5, นิ้วกลาง จักระ 3, นิ้วนาง จักระ 6 และนิ้วก้อย จักระ 4 แต่ละนิ้วที่จีบกับนิ้วโป้งก็คือ จักระใดก็ตามมาจรดกับจักระ 2 เป็นวิธีที่ง่ายแต่ไม่ตรงธาตุประจำจักระ ดังนั้น เวลาที่ใช้หมุนจักระจะคล่องและจำง่ายกว่า แต่อยากให้ลองศึกษาปัญจะภูตาสูตรให้เข้าใจด้วย โดยหลักใหญ่ก็คือใช้มุทราพลังธาตุมาหมุนให้ตรงกับธาตุของจักระ เพื่อสร้างแรงขับเคลื่อนตามระบบธาตุนั่นเองครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น