รู้จักกับพลังคอสมิก Cosmic Power ในแบบการฝึกปราณที่ถูกต้อง

 


     รังสีคอสมิก เป็นอนุภาคพลังงานสูงจากนอกโลกที่เคลื่อนที่ในอัตราความเร็วแสง และพุ่งลงมาสู่ชั้นบรรยากาศโลกตลอดเวลา สามารถเบี่ยงเบนในสนามแม่เหล็กโลกได้ ถูกค้นพบครั้งแรกโดย วิกเตอร์ ฟรานซิส เฮสส์ (Victor Francis Hess) นักฟิสิกส์ชาวออสเตรีย-อเมริกัน จากการส่งบอลลูนบรรทุกเครื่องอิเล็กโตรสโคปขึ้นสู่ท้องฟ้า ถึงระดับความสูงประมาณ 13 กิโลเมตร ที่ระดับความสูงยิ่งมาก เครื่องอิเล็กโตรสโคปก็ยิ่งจับรังสีได้มากเช่นกัน

(วิดิโอประกอบบทความ)

พลังคอสมิก (Cosmic Rays)

     กล่าวกันว่า มนุษย์เราเกิดมาพร้อมพลังงานที่จับต้องไม่ได้แต่สำคัญต่อการดำเนินชีวิตหลายสิ่ง ไม่ว่าจะเป็น แสงหรืออากาศ ตัวอย่างเช่น เราสามารถมองเห็นแสงได้ เราพิสูจน์ได้ด้วยตาเปล่า แต่เราก็จับต้องไม่ได้ อากาศเรารู้สึกได้ แต่เราจับต้องไม่ได้ รังสีคอสมิกก็เช่นกัน เป็นอนุภาคพลังงานสูงจากนอกโลกที่เคลื่อนที่ในอัตราความเร็วแสง และพุ่งลงมาสู่ชั้นบรรยากาศโลกตลอดเวลา สามารถเบี่ยงเบนในสนามแม่เหล็กโลกได้ ถูกค้นพบครั้งแรกโดย วิกเตอร์ ฟรานซิส เฮสส์ (Victor Francis Hess) นักฟิสิกส์ชาวออสเตรีย-อเมริกัน จากการส่งบอลลูนบรรทุกเครื่องอิเล็กโตรสโคปขึ้นสู่ท้องฟ้าถึงระดับความสูงประมาณ 13 กิโลเมตร โดยที่วิกเตอร์จะขึ้นไปกับบอลลูนหลายครั้ง และพบว่า ที่ระดับความสูงยิ่งมาก เครื่องอิเล็กโตรสโคปก็ยิ่งจับรังสีได้มากเช่นกัน ต่อมา โรเบิร์ต เอ. มิลลิแคน (Robert A. Millikan) นักฟิสิกส์ชาวอเมริกัน ได้คิดค้นวิธีคำนวณหาขนาดของประจุอิเล็กตรอนได้สำเร็จ จึงเป็นผู้ตั้งชื่อเรียกรังสีจากนอกโลกนี้ว่า “รังสีคอสมิก”

     ในการใช้ประโยชน์จากรังสีคอสมิกที่เชื่อกันว่ากระจายอยู่ในชั้นบรรยากาศนั้น กล่าวคือ รังสี (Radiation) คือพลังงานที่แผ่จากต้นกำเนิดรังสีผ่านอากาศหรือสสาร อาจจะเป็นในรูปของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เช่น ความร้อน แสงสว่าง คลื่นวิทยุ รังสีเอกซ์ รังสีแกมมา หรือในรูปอุนภาค เช่น แอลฟา บีตา นิวตรอน โปรตอน เป็นต้น และยังแบ่งรังสีออกเป็น 2 ชนิดด้วยกัน คือ รังสีชนิดที่ไม่ก่อไอออน กับรังสีชนิดที่ก่อไอออน และรังสีคอสมิก ก็จัดอยู่ในประเภทรังสีชนิดที่ก่อไอออนด้วยเช่นกัน (Ionizing Radiation) นอกจากนี้ยังมีการวัดค่าปริมาณรังสีที่มนุษย์ได้รับจากแหล่งกำเนิดรังสีในธรรมชาติว่า รังสีคอสมิกในชั้นบรรยากาศ ซึ่งประกอบด้วยอนุภาคไอออนบวก และรังสีแกมมาเป็นส่วนใหญ่ประมาณ 0.39 mSv ต่อปี (มิลลิซีเวิร์ด Millisiervert : mSv เป็นหน่วยวัดปริมาณรังสีที่ร่างกายได้รับ ยกตัวอย่างเช่น ใน 1 ปี แต่ละคนจะได้รับรังสีจากธรรมชาติประมาณ 2.23 มิลลิซีเวิร์ด จากแหล่งต่าง ๆ เช่น โดยสารเครื่องบินที่ระดับความสูง 8,000 เมตร 1 ชั่วโมง ได้รับ 0.001 mSv, ดูโทรทัศน์ 1 ชั่วโมงทุกวันใน 1 ปี ได้รับ 0.01 mSv, เอ็กซเรย์หน้าอก 1 ครั้ง ได้รับ 0.1 mSv, รังสีที่ได้รับจากธรรมชาติใน 1 ปี อยู่ที่ 2-3 mSv, ไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพ 100 mSv เป็นต้น อ้างอิง : ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับรังสี, สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) และ ระดับรังสีและผลกระทบต่อร่างกาย, กองประกันคุณภาพและพลังงานนิวเคลียร์. (ม.ป.ป.).

     จากการค้นคว้าเพิ่มเติม พบว่า รังสีคอสมิก คืออนุภาคพลังงานพลังงานสูงจากนอกโลก เคลื่อนที่ผ่านอากาศด้วยความเร็วแสง มีองค์ประกอบหลักคือ อนุภาคโปรตอน (Proton) และนิวเคลียสของธาตุต่าง ๆ ที่เป็นต้นกำเนิดของทั้งระบบจักรวาล กาแล็กซี และดาวเคราะห์ต่าง ๆ เช่น นิวเคลียสของธาตุไฮโดรเจน ฮีเลียม คาร์บอน ออกซิเจน นีออน แมกนีเซียม ซิลิคอน และเหล็ก ฯลฯ รังสีคอสมิกประกอบด้วยอนุภาคโปรตอนที่มีประจุบวกเป็นหลัก ดังนั้น เมื่อดินทางผ่านห้วงอวกาศที่มีสนามแม่เหล็กกระจายอยู่ จึงสามารถเปลี่ยนทิศทางในการเคลื่อนที่ได้ และเมื่อเดินทางมาถึงโลก สนามแม่เหล็กโลกจะทำให้อนุภาครังสีคอสมิกเบี่ยงเบนทิศทางการเคลื่อนที่ได้เช่นเดียวกัน ส่งผลให้การตรวจวัดค่าของอนุภาคคอสมิกในแต่ละพื้นที่มีค่าไม่คงที่แน่นอน รังสีคอสมิกนี้ ถูกนำมาศึกษาในเรื่องของต้นตอแหล่งที่มาต่าง ๆ ในห้วงจักรวาล รวมถึงประวัติการเดินทางในอวกาศได้ตามข้อสันนิษฐาน ใช้ประกอบการเรียนรู้สรรพสิ่งในห้วงจักรวาลอันไกลโพ้นได้ ต้นกำเนิดของรังสีคอสมิกนั้นพบได้ 2 แหล่งด้วยกัน คือ

1. รังสีคอสมิกจากดวงอาทิตย์ (Solar Cosmic Rays) อันเป็นอนุภาคพลังงานสูงที่เกิดจากการระเบิดในชั้นบรรยากาศดวงอาทิตย์ที่เรียกว่า “เปลวสุริยะ” หรือลูกจ้าของดวงอาทิตย์ (Solar Flare) และถูกเร่งโดยลมสุริยะ (Solar Wind) ทำให้เกิดการปล่อยอนุภาคสู่ห้วงอวกาศ

2. รังสีคอสมิกจากนอกระบบสุริยะ (Extragalactic/Galactic Cosmic Rays) อันเป็นรังสีที่เดินทางผ่านห้วงอวกาศมายังโลก ผ่านการได้รับพลังงานปริมาณมหาศาลจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในจักรวาล เช่น การระเบิดของซูเปอร์โนวาจากกาแล็กซี่อื่น หรือเศษซากการระเบิดของซูเปอร์โนวาในอดีต  อ้างอิง : คัดคณัฐ ชื่นวงศ์อรุณ (2564). รังสีคอสมิก (Cosmic Rays). และเมื่อสนามแม่เหล็กโลกและชั้นบรรยากาศโลกปกป้องมนุษย์และสิ่งมีชีวิตจากรังสีคอสมิกกว่า 99% จึงทำให้มนุษย์ไม่เกิดอันตรายจากรังสีคอสมิกเหล่านี้ แต่หากเป็นผู้ที่อยู่ในอวกาศ จะได้รัรบผลกระทบที่เป็นอันตรายอย่างมาก เนื่องจากความเสียหายที่รังสีคอสมิกกระทำต่อชีวิตนอกเหนือการป้องกันจากชั้นบรรยากาศโลก เพราะรังสีอาจทำอันตรายต่อ DNA จนทำให้เซลล์ร่างกายมนุษย์นั้นกลายพันธุ์เป็นเซลล์มะเร็งได้ ถึงตรงนี้เราพอจะทราบแล้วนะครับว่า รังสีคอสมิกไม่ได้ส่งผลดีต่อร่างกาย ในทางตรงกันข้ามกลับเป็นอันตรายต่อชีวิตมนุษย์เสียด้วยซ้ำ แล้วความเข้าใจเรื่องพลังคอสมิกนั้นมาจากไหน สรุปแล้วการฝึกรับพลังคอสมิกมีจริงหรือไม่ เราลองมาหาคำตอบไปพร้อมกันตามลำดับนะครับ

     โรเบิร์ต มิลลิแกน (Robert A.Millikan) นักฟิสิกส์รางวัลโนเบลด้านการวัดค่าประจุของอิเล็กตรอน กล่าวว่า “รังสีคอสมิกคือรังสีแกมมาซึ่งเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า” ซึ่งมีข้อโต้แย้งว่าแนวความคิดของเขานั้นผิด จากการทดลองในปี ค.ศ.1927 พบว่า การแตกตัวของรังสีคอสมิกนั้นมีอัตราที่ไม่สม่ำเสมอในแต่ละตำแหน่งบนโลก ดังนั้นข้อสันนิษฐานที่ว่ารังสีคอสมิกเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจึงถูกหักล้างไป และคำอธิบายที่สมเหตุสมผลที่สุดคือ รังสีคอสมิกเป็น “อนุภาคที่มีประจุไฟฟ้า” โดยนักดาราศาสตร์ในปัจจุบันระบุว่ารังสีคอสมิกมี 2 รูปแบบด้วยกัน คือ รังสีคอสมิกแบบปฐมภูมิ คืออนุภาคที่เข้ามาชนกับชั้นบรรยากาศโลกโดยตรง และถูกเบี่ยงเบนหักเหไปตามสภาพภูมิประเทศดังกล่าวข้างต้น กับรังสีคอสมิกแบบทุติยภูมิ คือ เมื่อรังสีคอสมิกชนเข้ากับอะตอมและโมเลกุลของแก๊สในชั้นบรรยากาศโลก (ดังที่กล่าวไปแล้วเรื่องอากาศมีส่วนประกอบแก๊สอะไรบ้าง แน่นอนว่าส่วนใหญ่คือไนโตรเจน รองลงมาคือออกซิเจน) ทำให้เกิดปรากฏการณ์ Air Shower คือการกระจายตัวของอนุภาคคล้ายสายฝน ซึ่งอาจทำให้หลงเหลือปะปนลงมาบ้างในอากาศที่เราหายใจ แต่เป็นอนุภาคที่เล็กมาก ๆ และไม่ส่งผลกระทบแต่อย่างใดกับร่างกายมนุษย์ เรียกได้ว่าแทบจะไม่ตกกระทบพื้นโลกเลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อมีการชนกับนิวเคลียสของอากาศ ประมาณ 10 กิโลเมตรจากพื้นผิวโลก อนุภาคใหม่จำนวนมากก็จะถูกสร้างขึ้น ..และนิวเคลียสที่ชนกันก็จะระเหยไปเป็นส่วนมาก อนุภาคใหม่ที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เป็นไพออน และไพออนที่เป็นกลางก็จะสลายตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อรังสีคอสมิกหลัก สามารถผลิตอนุภาครองจำนวนมากอาจเป็นล้านหรือพันล้าน เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “ฝนอากาศ” และการกระจายตัวของฝนอากาศนี้อาจตกลงสู่พื้นดินได้ในพื้นที่ภูเขาสูง ที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด จากการศึกษาข้อมูลเหล่านี้เราจะเห็นได้ว่า คำกล่าวอ้างเกี่ยวกับพลังคอสมิกของผู้ฝึกพลังจักรวาล มีความขัดแย้งเป็นส่วนมาก ทั้งเรื่องของพลังคอสมิกที่มนุษย์หยิบยืมมาใช้เพื่อการรักษาโรค โดยกล่าวถึงพลังงานเหล่านี้เป็นพลังงานศักดิ์สิทธิ์ แต่เราจะเห็นได้ว่า ยังไม่มีงานวิจัยใดรับรองเกี่ยวกับรังสีคอสมิกกับการรักษาโรค จึงสรุปได้ว่า รังสีคอสมิกไม่ได้มีประโยชน์ต่อระบบการทำงานของร่างกายแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม กลับเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังเพราะจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย หรือส่งผลเสียต่อร่างกายมนุษย์ดังกล่าวข้างต้น 

     ดังนั้นแนวคิดเรื่องพลังจักรวาลจึงไม่ควรสืบทอด ส่งต่อ หรือสืบต่อให้เข้าใจอย่างผิดเพี้ยน สร้างพื้นฐานความเชื่อบนความงมงาย ที่ไม่สามารถหาเหตุผลรองรับได้เพียงพอ การพยายามทำให้ศาสตร์วิชาปราณเป็นเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ จึงได้พยายามทำให้เป็นวิทยาศาสตร์เพื่อชักนำจิตใจผู้คน ถือเป็นเรื่องที่ผิดบาปอย่างหนึ่ง หากท่านผู้คิดค้นต้นกำเนิดการเผยแพร่รับทราบ หรือผู้รับสืบทอดส่งต่อรับรู้ ก็ควรยุติการสอนในทางที่ผิดนะครับ             


สนับสนุนอาจารย์ผู้สอนโดยการสั่งซื้อหนังสือ "ปราณวิถี" สูตรลมหายใจบริหารกายจิตได้ที่นี่

พูดคุยสอบถามเพิ่มเติมได้ที่

สนใจหนังสือเกี่ยวกับตำนานและศาสตร์พยากรณ์ คลิกที่นี่


ความคิดเห็น

คนชอบอ่าน

ความหมายของไพ่บุคคล “ควีน ออฟ วานส์” (QUEEN OF WANDS)

ความหมายของไพ่บุคคล “ควีน ออฟ เพนตาเคิลส์” (QUEEN OF PENTACLES)

ความหมายของไพ่บุคคล คิง ออฟ คัพส์ (KING OF CUPS)

ความหมายของไพ่ "เดอะ เวิลด์" (THE WORLD) สอนอ่านไพ่ยิปซี