เคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมเทพเทวดาถึงชอบทะเลาะกัน??
ซุสกับโพไซดอน ก็บาดหมางกันเรื่องบัลลังก์
เทพอินทรา ในตำนานอินเดียก็มีศึกกับอสูรไม่เว้นปี
โอร่าและแอเธน่า มีศึกประชันปัญญาเพื่อแย่งเมือง
พระนารายณ์ ต้องลงมาเกิดใหม่หลายชาติ เพื่อ “เคลียร์ดราม่า” ของเทพองค์อื่น
แม้แต่ในศาสนาพุทธเอง ก็มีเรื่องที่ “เทวดาในสวรรค์ชั้นต่างๆ มีอัตตา มีการขัดแย้ง”
คำถามคือ… เทพต้องทะเลาะกันด้วยเหรอ?
แล้วทำไมตำนานถึงชอบเล่าเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า?
ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า…
เทพในตำนานต่างๆ ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เป็น “ไอดอลผู้เพียบพร้อม”
แต่ถูกสร้างขึ้นเพื่อ สะท้อนสิ่งที่มนุษย์เป็น และสิ่งที่มนุษย์อยากเข้าใจ เช่น:
-ธรรมชาติ (ฟ้าฝน พายุ ไฟ ดิน น้ำ)
-อารมณ์ (โกรธ รัก โลภ กลัว)
-ความดีและความชั่วที่อยู่ในตัวคน
-อารมณ์ (โกรธ รัก โลภ กลัว)
-ความดีและความชั่วที่อยู่ในตัวคน
เทพแต่ละองค์จึงเปรียบเสมือน “บุคลาธิษฐาน” ของพลังหรืออารมณ์บางอย่าง
และเมื่อเทพเหล่านี้มาอยู่ด้วยกัน… ก็แน่นอนว่าจะเกิดความขัดแย้ง! ลองคิดง่ายๆ: ถ้าให้เทพที่แทนอารมณ์โกรธ (อย่างเทพมาร์ส) มาอยู่กับเทพแห่งสติปัญญา (อย่างแอเธน่า) ทุกวันมันจะสงบได้ยังไง?
และเมื่อเทพเหล่านี้มาอยู่ด้วยกัน… ก็แน่นอนว่าจะเกิดความขัดแย้ง! ลองคิดง่ายๆ: ถ้าให้เทพที่แทนอารมณ์โกรธ (อย่างเทพมาร์ส) มาอยู่กับเทพแห่งสติปัญญา (อย่างแอเธน่า) ทุกวันมันจะสงบได้ยังไง?
ศึกของเทพ = ศึกของสัญลักษณ์
ไฟกับน้ำ
เทพแห่งไฟ ปะทะ เทพแห่งน้ำ – สื่อถึงพลังที่ตรงข้ามแต่จำเป็นต่อกัน
เทพแห่งไฟ ปะทะ เทพแห่งน้ำ – สื่อถึงพลังที่ตรงข้ามแต่จำเป็นต่อกัน
อำนาจกับปัญญา
เทพเจ้าที่มีพละกำลัง ปะทะ เทพแห่งปัญญา – ใครควรเป็นผู้นำกันแน่?
เทพเจ้าที่มีพละกำลัง ปะทะ เทพแห่งปัญญา – ใครควรเป็นผู้นำกันแน่?
ธรรมชาติกับอารยธรรม
เทพแห่งป่า ปะทะ เทพแห่งเมือง – มนุษย์ควรอยู่ใกล้ธรรมชาติ หรือสร้างเมืองใหญ่?
ศึกเทพจึงไม่ใช่แค่เรื่องเม้าท์ดราม่าบนสวรรค์ แต่เป็น “บทเรียน” ที่ซ่อนไว้ในรูปแบบของนิทาน
เพื่อให้มนุษย์คิดตาม และเข้าใจโลกใบนี้มากขึ้น
เทพแห่งป่า ปะทะ เทพแห่งเมือง – มนุษย์ควรอยู่ใกล้ธรรมชาติ หรือสร้างเมืองใหญ่?
ศึกเทพจึงไม่ใช่แค่เรื่องเม้าท์ดราม่าบนสวรรค์ แต่เป็น “บทเรียน” ที่ซ่อนไว้ในรูปแบบของนิทาน
เพื่อให้มนุษย์คิดตาม และเข้าใจโลกใบนี้มากขึ้น
เทพทะเลาะ = วิธีสอน “ความไม่สมบูรณ์แบบ”
เพราะถ้าเทพทุกองค์สมบูรณ์แบบหมด จะไม่มีเรื่องราว ไม่มีบทเรียน ไม่มีพัฒนาการ
จะไม่มี "พระราม" ให้เราเรียนรู้ความเสียสละ
ไม่มี "พระกฤษณะ" ให้เราเข้าใจเรื่องกลยุทธ์
ไม่มี "พระศิวะ" ที่ต้องเรียนรู้การควบคุมพลัง
เทพต้องมีข้อผิดพลาด มีอารมณ์ มีการตัดสินใจที่ดีบ้างพลาดบ้าง
เพื่อให้เราเห็นว่า แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่ยังต้องเรียนรู้ แล้วเราล่ะ?
แล้วในโลกสมัยใหม่ล่ะ? ยังมี “เทพทะเลาะ” อยู่ไหม?
คำตอบคือ… มีอยู่ทุกวัน
เพียงแต่ “เทพ” ในปัจจุบันอาจไม่ใช่คนถือสายฟ้า ขี่นกหรือแปลงร่างได้ แต่เป็นพลังหรือสัญลักษณ์ที่มนุษย์ยังให้ความสำคัญ เช่น
-เทคโนโลยี vs ธรรมชาติ
-ศิลปะ vs วิทยาศาสตร์
-ความเชื่อ vs ข้อเท็จจริง
-อัตตา vs การปล่อยวาง
ในแต่ละวัน เราเองก็เหมือน “สนามรบของเทพ”
ในตัวเรามีเสียงของความกล้า เสียงของความกลัว เสียงของเหตุผล และเสียงของความรู้สึกทั้งหมดนี้เถียงกันอยู่ตลอดเวลา...
และสิ่งที่เราตัดสินใจทำ = ผลลัพธ์ของศึกนั้นในแต่ละวัน
คำตอบคือ… มีอยู่ทุกวัน
เพียงแต่ “เทพ” ในปัจจุบันอาจไม่ใช่คนถือสายฟ้า ขี่นกหรือแปลงร่างได้ แต่เป็นพลังหรือสัญลักษณ์ที่มนุษย์ยังให้ความสำคัญ เช่น
-เทคโนโลยี vs ธรรมชาติ
-ศิลปะ vs วิทยาศาสตร์
-ความเชื่อ vs ข้อเท็จจริง
-อัตตา vs การปล่อยวาง
ในแต่ละวัน เราเองก็เหมือน “สนามรบของเทพ”
ในตัวเรามีเสียงของความกล้า เสียงของความกลัว เสียงของเหตุผล และเสียงของความรู้สึกทั้งหมดนี้เถียงกันอยู่ตลอดเวลา...
และสิ่งที่เราตัดสินใจทำ = ผลลัพธ์ของศึกนั้นในแต่ละวัน
สรุป: เทพไม่ได้ทะเลาะเพราะแค่งอน
เทพในตำนานทะเลาะกันเพราะพวกเขา “เป็นตัวแทนของสิ่งที่ต้องต่อสู้กันอยู่แล้วในธรรมชาติและมนุษย์”
ไม่ว่าจะเป็นพลังตรงข้าม อารมณ์ ความดีความชั่ว หรือแม้แต่ความคิดต่าง สิ่งที่เราควรทำไม่ใช่แค่ดูศึกของเทพแล้วเฮฮา
แต่ควรเรียนรู้ว่า ทำไมเทพองค์นั้นถึงตัดสินใจแบบนั้น? เกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น? แล้วมนุษย์เรียนรู้อะไรจากการทะเลาะของผู้วิเศษ? เพราะสุดท้ายแล้ว… “ศึกของเทพ” คือ “บทเรียนของเรา”
และสวรรค์ที่สงบจริงๆ อาจไม่ได้อยู่ที่ฟ้าไหน
แต่อยู่ที่ใจของเราที่เริ่มเข้าใจความขัดแย้งมากขึ้นนั่นเอง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น